วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2562

ข่าวที่ 1 "สาธารณสุข" เตรียมเปิดคลินิกกัญชาใน 12 โรงพยาบาลทั่วประเทศ
"สาธารณสุข" เตรียมเปิดคลินิกกัญชาใน 12 โรงพยาบาลทั่วประเทศ
Thai Quote
สนับสนุนเนื้อหา
กระทรวงสาธารณสุข เตรียมเปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์ในโรงพยาบาล 12 แห่ง สร้างโอกาสการรักษา ประชาชนเข้าถึงการรักษาด้วยยากัญชาอย่างปลอดภัย
นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการให้บริการสารสกัดน้ำมันกัญชาทางการแพทย์ โดยระบุว่า เมื่อโรงพยาบาลได้รับสารสกัดน้ำมันกัญชาทางการแพทย์ขององค์การเภสัชกรรมแล้ว จะเปิดให้บริการตามความพร้อมของโรงพยาบาล เพื่อให้การรักษาผู้ป่วยที่อยู่ในรายชื่อที่ต้องใช้สารสกัดน้ำมันกัญชาทางการแพทย์โดยบุคลากรทางการแพทย์ที่ผ่านการอบรม พร้อมให้การดูแลประชาชนให้เข้าถึงการใช้สารสกัดน้ำมันกัญชาทางการแพทย์อย่างปลอดภัย
เพื่อสร้างโอกาสทางการรักษา สร้างเศรษฐกิจ และรายได้ประชาชน ตามนโยบายนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยมีกลไกการดำเนินงานที่รัดกุมตามกฎหมาย โดยให้โรงพยาบาลตั้งคณะกรรมการ Canabis Clinic เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานของคลินิก
จัดทำคู่มือและแนวทางปฏิบัติเพื่อดูแลรักษา ส่งต่อผู้ป่วยเพื่อการรักษาสำหรับแพทย์ แพทย์แผนไทย และสหวิชาชีพ ด้วยแนวทางการใช้กัญชาทางการแพทย์สำหรับแพทย์แผนปัจจุบัน กำหนดกลุ่มโรคและกลุ่มอาการที่จะใช้สารสกัดน้ำมันกัญชาทางการแพทย์ อาทิ กล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคลมชักที่ดื้อต่อยาแผนปัจจุบัน คลื่นไส้ อาเจียนจากยาเคมีบำบัด ภาวะปวดประสาทที่ใช้การรักษาอื่น ๆ แล้วไม่ได้ผล
สำหรับแพทย์แผนไทยจะใช้ยาตำรับแผนไทยปรุงผสมกัญชา 16 ตำรับ อาทิ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่มีอาการนอนไม่หลับ ช่วยเจริญอาหาร ผู้ป่วยที่มีอาการจุกเสียด ท้องแข็งเกร็งเป็นเถาดาน เสียงแหบแห้ง ผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต ที่มีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง ผู้ป่วยที่มีอาการท้องผูก ปวดเมื่อยทั่วร่างกาย ขับลม และผู้ป่วยที่มีอาการลมจุกเสียดปวดมวนท้อง
รวมทั้งได้จัดทำแนวทางการรักษาพิษจากการใช้สารสกัดน้ำมันกัญชาและผลิตภัณฑ์กัญชาสำหรับหน่วยงานที่รับผู้ป่วยฉุกเฉิน กำหนดกลุ่มโรคและกลุ่มอาการ ข้อบ่งใช้สารสกัดน้ำมันกัญชาและยาตำรับแผนไทยที่มีกัญชาปรุงผสม ขั้นตอนการเข้ารับบริการของผู้รับบริการ และข้อปฏิบัติในการดูแล รักษา ส่งต่อผู้ป่วย การเฝ้าระวังความปลอดภัย
นายแพทย์สุขุมกล่าวอีกว่า ในการรับบริการโรงพยาบาลจะคัดกรองโรคและอาการตามเกณฑ์ข้อบ่งใช้ เมื่อเข้าเกณฑ์จะส่งต่อคลินิกกัญชาเพื่อการรักษาทางการแพทย์ ผู้ป่วยที่ต้องการใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคสามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาได้ที่โรงพยาบาล 12 แห่ง ได้แก่
รพ.ลำปาง
รพ.พุทธชินราช จ.พิษณุโลก
รพ.สวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์
รพ.สระบุรี
รพ.ราชบุรี
รพ.ระยอง
รพ.ขอนแก่น
รพ.อุดรธานี
รพ.บุรีรัมย์
รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี
รพ.สุราษฎร์ธานี
รพ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ทั้งนี้ ในเดือนกันยายน สถานพยาบาลที่ให้บริการด้านการแพทย์แผนไทย 7 แห่ง จะได้รับน้ำมันกัญชาสูตรตำรับแพทย์แผนไทย ได้แก่
รพ.เด่นชัย จ.แพร่
รพ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี
รพ.ดอนตูม จ.นครปฐม
รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี
รพ.พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร จ.สกลนคร
รพ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์
รพ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี
ข่าวที่ 2 เพจดังไขข้อสงสัย "น้ำสีฟ้า" ที่ตำรวจฮ่องกงใช้ฉีดสยบกลุ่มผู้ประท้วง
เพจดังไขข้อสงสัย "น้ำสีฟ้า" ที่ตำรวจฮ่องกงใช้ฉีดสยบกลุ่มผู้ประท้วง
S! News (Rewrite)
สนับสนุนเนื้อหา
เพจเฟซบุ๊ก เคมีฟิสิกส์ของสิ่งทอ อาหาร และของรอบตัว ได้อธิบายให้คนไทยได้เข้าใจถ่องแท้ ถึงปริศนา "น้ำสีฟ้า" ที่ตำรวจฮ่องกงนำออกมาใช้เป็นกลยุทธ์ใหม่ในการปราบกลุ่มผู้ประท้วง
เหตุการณ์ประท้วงฮ่องกงยังคงยืดเยื้อต่อเนื่องมาถึง 13 สัปดาห์นี้ ล่าสุดการสลายการชุมนุมครั้งล่าสุดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกงได้ใช้กลยุทธ์ใหม่ในการปราบจลาจล นอกจากการใช้กระสุนยางและยิงแก๊สน้ำตาแล้ว ยังได้ทำการฉีดน้ำสีฟ้าใส่ฝูงชนที่ลุกฮือประท้วงอีกด้วย
ภาพการพ่นน้ำสีฟ้าๆ ของฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกงกลายเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลกเป็นอย่างมาก เพราะมีข้อสงสัยว่า น้ำสีฟ้าดังกล่าวนั้นเป็นสารเคมีหรือเป็นอันตรายต่อกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก เคมีฟิสิกส์ของสิ่งทอ อาหาร และของรอบตัว ได้ขยายความและอธิบายประเด็นดังกล่าวเอาไว้ได้อย่างถ่องแท้และชัดเจน อีกยังถือเป็นความรู้ล่าสุดในกลยุทธ์การปราบจลาจลยุคใหม่
เพจเฟซบุ๊กดังกล่าวระบุว่า น้ำสีฟ้าที่ฝ่ายตำรวจฮ่องกงใช้นั้น เป็นน้ำที่ผสมกับสีเมธิลลีนบลู (Methylene Blue) หรือสีในกลุ่มของ Azure A, B, C หรืออาจจะเป็นสีของ Thionine (Lauth’s violet) เป็นลักษณะสีย้อมที่มีโครงสร้างส่วนให้สี (Chromophore) เป็น ไธอะซีน (Thiazines) ที่มีประจุบวก (cationic dyes) ที่สามารถติดบนวัสดุโปรตีน ทั้งผิวหนังคน เชื้อแบคทีเรีย รวมไปถึงเส้นใยไหม และขนสัตว์ได้ดี
โดยวัตถุประสงค์ในการฉีดน้ำเป็นสีๆ ในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนของกลุ่มผู้ชุมนุมที่เข้าร่วมการประท้วง และยังสามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้ง่ายขึ้น เนื่องจากน้ำผสมสีดังกล่าวนั้นจะติดอยู่บนผิวหนังได้ในระยะเวลา 3-7 วัน ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นและการชำระล้างของแต่ละคน
ทั้งนี้ น้ำผสมสีประเภทนี้ยังทนต่อการซักล้าง ซักฟอกทุกชนิด หรือแม้กระทั่งน้ำยาซักผ้าขาวด้วย ทางเดียวที่จะทำให้สีจางหายไปก็ต้องทำให้ผิวหนังผลัดเซลล์เองตามธรรมชาติ หรืออาจจะต้องขี้ไคลและหนังกำพร้าออกอย่างหนักหน่วงเลยทีเดียว
ข่าวที่ 3 ระทึก! สารเคมีในโรงงานรั่ว พนักงานหนีตายอลหม่าน
ระทึก! สารเคมีในโรงงานรั่ว พนักงานหนีตายอลหม่าน
S! News
สนับสนุนเนื้อหา
เกิดเหตุสารเคมีในโรงงานรั่ว พนักงานวิ่งหนีตาย เจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุเอาไว้ได้ทัน จากเหตุการณ์นี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
เวลา 11.00 น. วันที่ 25 ต.ค. 60 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยไตรคุณธรรมว่า มีเหตุสารเคมีรั่วไหล บริษัทไทยเมกิ 2012 จำกัด เลขที่ 700/676 ม.7 ต.ดอนหัวฬ่อ อ.เมือง จ.ชลบุรี  มีพนักงานจำนวนมาก จึงรุดไปตรวจสอบทีเกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นโรงงานเคลือบโลหะที่แท็งก์เก็บสารเคมีภายในโรงงาน มีสารสีเหลืองมีกลิ่นเหม็น พนักงานจำนวนกว่า 130 คน วิ่งหนีตายออกมานอกโรงงาน บางรายมีที่สูบดมเข้าไปมีอาการหน้ามืดเวียนหัว เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วน
จากการสอบตรวจพบว่าสารเคมีดังกล่าวเป็นกรดไนตริกเป็นของเหลวไม่มีสี กลิ่นฉุนรุนแรง และมีความเป็นกรดสูง จึงอาจเป็นอันตรายต่อผิวหนังและผู้ที่สูดดม เบื้องต้นตอนนี้ทางโรงงานสามารถควบคุมการรั่วไหลได้แล้ว จากเหตุการณ์นี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
ข่าวที่ 4 เตือน "มลพิษทางอากาศ" หลังไฟไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ ท่าเรือแหลมฉบัง พบสารอันตราย
เตือน "มลพิษทางอากาศ" หลังไฟไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ ท่าเรือแหลมฉบัง พบสารอันตราย
INN News
สนับสนุนเนื้อหา
กรมควบคุมมลพิษเตือนมลพิษทางอากาศสั่งเร่งอพยพประชาชน- เหตุเพลิงไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ ท่าเรือแหลมฉบัง 
กรมควบคุมมลพิษ ได้เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก กรมควบคุมมลพิษ หรือ คพ. หลังเกิดเพลิงไหม้ ตู้คอนคอนเทนเนอร์ ท่าเรือแหลมฉบัง โดยกรมควบคุมมวลพิษ พร้อมสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 13 และสำนักงานทรัพยากรกรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง และปภ.ชลบุรี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีเหตุเพลิงไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ ท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อเวลา 11.00 น. พบว่า ขณะตรวจสอบควบคุมเพลิงได้แล้วแต่ยังมีเขม่าควันค่อนข้างมาก เนื่องจากมีตู้คอนเทนเนอร์หลายร้อยใบที่ถูกเพลิงไหม้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังคงฉีดน้ำเลี้ยงอยู่ และจากการตรวจวัดคุณภาพอากาศในเบื้องต้น พบว่ามีค่าสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (Total VOCs) อยู่ในช่วง1.2-2.4 ppm ค่าสารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) อยู่ในช่วง 0.92-1.96 ppm
ซึ่งมีค่าเกินกว่าค่าขีดจำกัดการรับสัมผัสสารเคมีทางการหายใจแบบเฉียบพลัน ระดับที่ 1 กำหนดค่า 0.9 ppm ซึ่งเกินค่ามาตรฐานเล็กน้อย ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ผิวหนังอักเสบ และระคายเคืองตา เนื่องจากเกิดกลุ่มควันจำนวนมาก อำเภอศรีราชา ได้สั่งการให้อพยพประชาชนที่อยู่ใต้ลมไปยังจุดที่ปลอดภัย และ คพ. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณชุมชนที่ได้รับผลกระทบด้วยแล้ว หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป

ข่าวที่ 5 ปริศนาเม็ดสีขาว ลอยติดเกลื่อนหาดแม่รำพึง 12 กิโลเมตร ลองจับดูรู้สึกเหนียว

ปริศนาเม็ดสีขาว ลอยติดเกลื่อนหาดแม่รำพึง 12 กิโลเมตร ลองจับดูรู้สึกเหนียว
Sanook! Regional
สนับสนุนเนื้อหา
คลื่นซัดเม็ดสีขาวๆ คล้ายดอกเกลือ น้ำหนักเบา ลอยเกลื่อนหาดแม่รำพึง ระยะทางยาว 12 กิโลเมตร ชาวประมงอ้างยังมีอีกเพียบลอยอยู่กลางทะเล ลองจับดูพบว่าเหนียวติดมือ
เมื่อวานนี้ (30 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวประมงพื้นบ้าน ต.ตะพง อ.เมืองระยอง พบเม็ดสีขาวๆ ลักษณะคล้ายดอกเกลือ ถูกคลื่นซัดเกลื่อนชายหาดแม่รำพึง เป็นระยะทางตลอดชายหาดยาว 12 กิโลเมตร จึงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ ตั้งแต่บริเวณโค้งร่วมใจ ต.ตะพง
นายวีระศักดิ์ คงณรงค์ ชาวประมงพื้นบ้านเรือเล็ก ได้พาเดินดูบริเวณชายหาด พบเม็ดสีขาวขนาดเล็กคล้ายดอกเกลือมีน้ำหนักเบา เกลื่อนชายหาดตลอดแนวและเล่าว่าเม็ดสีขาวดังกล่าวถูกคลื่นซัดเกลื่อนชายหาดมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มีนาคม และยังพบเกลื่อนเต็มชายหาดอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เมื่อลองใช้นิ้วกดเม็ดดังกล่าวดู ก็พบว่าเนื้อสัมผัสที่แตก และรู้สึกเหนียวติดมือ ขณะที่บางคนก็บอกว่า อาจจะเป็นเม็ดพลาสติกที่ใช้ในการผลิตอุตสาหกรรม ทำให้ชาวประมงและชาวบ้านวิตกกังวลอาจจะว่ามีสารเคมีปนเปื้อนมากับน้ำทะเลหรือไม่
นายวีระศักดิ์ เล่าว่า ขณะที่นำเรือออกไปกู้ลอบดักปลา ที่อยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 3 กิโลเมตร ก็พบเม็ดสีขาวๆ แบบนี้ลอยเต็มทะเล ไม่รู้ว่าจะมีผลกระทบกับสัตว์น้ำหรือไม่ ทั้งนี้จากการกู้ลอบดักปลาในทะเล ก็ยังพบว่าปลาบางตัวมีแผลเปื่อย ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่
news03-1
นอกจากนี้ก็ยังเจอขวดยาและสายน้ำเกลือลอยในน้ำทะเลด้วย รวมทั้งแกลลอนพลาสติกสีดำขนาด 5 ลิตร บรรจุน้ำมันเครื่องใช้แล้วลอยในทะเล ตนจึงเก็บกู้ขึ้นมาไว้บนฝั่ง
จากการสอบถามเจ้าของร้านค้าริมชายหาด ก็เล่าว่า ขณะนักท่องเที่ยวมานั่งเตียงผ้าใบชายหาด เห็นเม็ดสีขาวจำนวนมากตามแนวชายหาด จึงเดินมาถามว่า ทำไมชายหาดถึงมีดอกเกลือเต็มไปหมด จึงออกไปดูก็ไม่รู้ว่าเป็นเม็ดอะไรคล้ายดอกเกลือ แต่ไม่ใช่ดอกเกลือ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นสารเคมีหรือไม่ จึงฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบเก็บกวาดชายหาดโดยเร็ว เพราะตั้งแต่ค้าขายมาก็ไม่เคยเห็นเม็ดสีขาวๆ เช่นนี้ มีแต่คราบน้ำมันที่มักจะเจอบ่อยๆ
นายประยูร พงศ์พันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมือง กล่าวว่าได้ให้เจ้าหน้าที่รีบดำเนินการเก็บกวาดเม็ดสีขาวตามชายหาดโดยเร็ว พร้อมให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
ขณะที่ นายธานี จารุนัฎ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมมลพิษระเบียงเศรษฐกิจ จ.ระยอง เดินทางมาตรวจสอบพร้อมเก็บตัวอย่างเม็ดสีขาวไปตรวจสอบ จากการใช้นิ้วบี้ดูก็รู้สึกว่าเหนียวติดมือ จึงไม่น่าจะเป็นสารเคมี น่าจะเป็นวัตถุดิบเม็ดพลาสติก แต่ยังไม่แน่ใจว่ามาจากเรือที่ขนส่งมาหรือไม่
ข่าวที่ 6 "เอาผิดเจ้าของเรือไม่ได้" ไฟไหม้ตู้สินค้าท่าเรือแหลมฉบังทำสารเคมีฟุ้ง เพราะเป็นของเกาหลี
"เอาผิดเจ้าของเรือไม่ได้" ไฟไหม้ตู้สินค้าท่าเรือแหลมฉบังทำสารเคมีฟุ้ง เพราะเป็นของเกาหลี
Thai Post
สนับสนุนเนื้อหา
ผกก.สภ.แหลมฉบัง เผยไฟไหม้เรือเสมือนเกิดเหตุในประเทศเกาหลีตามสนธิสัญญา ผู้ได้รับผลกระทบควรแจ้งความร้องทุกข์ไว้เป็นหลักฐาน 
26 พ.ค.62 - หลังเกิดเหตุเพลิงลุกไหม้ตู้คอนเทนเนอร์บรรจุสารฟอกขาวบนเรือสินค้าฮ่องกง สัญชาติเกาหลี ซึ่งเดินทางจากนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เพื่อนำสินค้าเข้ามาส่งที่ท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จนทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน และมีผู้ได้รับความเดือดร้อนจากบ้านและทรัพย์สินต่างๆ ถูกสะเก็ดจากสารฟอกขาวที่ระเบิดฟุ้งกระจายปลิวไปไกลในรัศมีกว่า 5 กิโลเมตร ส่งผลกระทบให้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
ต่อมา ทราบว่าเรือสินค้าสัญชาติเกาหลีที่เกิดเพลิงลุกไหม้ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าเสียหายได้ เนื่องจากขณะนี้ทางตำรวจภูธรแหลมฉบังยังไม่สามารถที่จะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 2 เข้าไปตรวจสอบได้ เนื่องจากที่เกิดเหตุบนเรือ โดยเฉพาะตรงจุดที่ตู้คอนเทนเนอร์ไหม้ ไฟยังดับไม่สนิท ยังมีกลุ่มควันขึ้นมาเป็นระยะๆ ต้องให้หน่วยผจญเพลิง คอยฉีดน้ำเลี้ยงไว้ เพื่อไม่ให้ไฟปะทุขึ้นมาอีก
พ.ต.อ.ปรีชา สมสถาน ผกก.สภ.แหลมฉบัง กล่าวว่า ต้องรอให้ไฟดับสนิทเสียก่อน จึงจะให้หน่วยพิสูจน์หลักฐาน 2 เข้าไปเก็บหลักฐาน และสอบสวนข้อเท็จจริงสาเหตุเพลิงไหม้ ถึงแม้จะทราบว่าอาจจะดำเนินคดีเอาผิดกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ได้ เนื่องจากเพลิงลุกไหม้บนเรือสินค้าของเขาเอง ซึ่งเป็นเรือสัญชาติเกาหลี เสมือนว่าเกิดเหตุในประเทศเกาหลีตามสนธิสัญญา แต่ก็จะให้ตำรวจรวบรวมหลักฐานและพยานที่เกิดเหตุให้มากที่สุด หากผู้เกี่ยวข้องต้องใช้ ก็จะมอบให้ได้ทันที หากผลการสอบสวนเสร็จแล้ว
แต่ในส่วนของการเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บหรือผู้ได้รับความเดือดเรือน ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย ก็ให้นำหลักฐานเป็นภาพถ่าย หรือเอาทรัพย์สินที่มาได้ ก็เข้ามาแจ้งความไว้ที่ สภ.แหลมฉบัง เพราะต้องรวบรวมผู้เสียหายหรือทรัพย์สินของผู้ได้รับความเดือดร้อน ส่งให้กับการท่าเรือแหลมฉบังต่อไป ส่วนขณะนี้สำนักงานท่าเรือแหลมฉบัง พยายามที่จะช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ถึงแม้จะไม่สามารถเอาผิดจากเพลิงลุกไหม้กับทางเจ้าของเรือได้ แต่ในส่วนค่าเสียหายที่ชาวบ้านได้รับผลกระทบ สามารถที่จะแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.แหลมฉบัง เพื่อส่งเข้ามาให้กับการท่าเรือแหลมฉบังและจ้าของเรือ ก่อนส่งให้กับประกัยภัยของเรือ มาชดใช้ค่าเสียค่าเสียหายตามความเป็นจริงต่อไป
นางจินดา ถนอมรอด นายกเทศบาลนครแหลมฉบัง และนายบุญเลิศ  น้อมศิลป์ รองนายกเทศบาลนครแหลมฉบัง เดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจกับผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่ รพ.แหลมฉบัง พร้อมกับกล่าวว่า เมื่อเกิดเหตุขึ้น ตนและทีมบริหารนครแหลมฉบัง คอยประสานและระมัดระวังเหตุการณ์อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในเขต 23 ชุมชนโดยรอบท่าเรือแหลมฉบัง หลังเกิดเหตุไม่กี่นาที ตนสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนอย่าตื่นตระหนก หากไม่มีธุระก็ให้อยู่แต่ภายในบ้าน และหากมีความจำเป็นในการออกไปทำธุระนอกบ้านก็ให้ใส่หน้ากากอนามัย ที่ทางเทศบาลนครแหลมฉบัง นำไปแจก
นอกจากนี้ ตนเฝ้าดูเหตุการณ์หากความรุนแรงระดับถึงต้องอพยพประชากร ก็สามารถที่จะอพยพทั้ง 23 ชุมชนได้ทันที โดยจะนำประชากรไปที่ศาลาประชาคมอ่าวอุดม ซึ่งเป็นจุดปลอดภัย และสำหรับผู้ได้รับความเดือดร้อนไม่ว่าจะเป็นได้รับบาดเจ็บหรือทรัพย์สินเสียหาย ก็ให้ไปลงชื่อและนำหลักฐานภาพถ่ายไปที่ สำนักงานเทศบาลนครแหลมฉบัง ตนก็จะประสานรวบรวมส่งให้ท่าเรือแหลมฉบังต่อไป
ข่าวที่ 7   สาวอเมริกันฆ่าตัวตาย บ่อยแก๊สไข่เน่าตลบอบอวล อพยพแขกทั้งโรงแรม
สาวอเมริกันฆ่าตัวตาย บ่อยแก๊สไข่เน่าตลบอบอวล อพยพแขกทั้งโรงแรม
เกิดอุบัติเหตุประหลาดที่โรงแรมดัง ใจกลางนครซานโฮเซ แก๊สไข่เน่าลอยอบอวลทั่วฟลอร์ สั่งอพยพแขกนับร้อยชีวิต สืบพบเป็นเหตุฆ่าตัวตายของลูกค้าสาวคนหนึ่ง ทำคนบาดเจ็บไปอีก 8 ราย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดอุบัติเหตุแปลกประหลาดขึ้นที่โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในนครซานโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นเหตุทำให้มีผู้หญิงคนหนึ่งเสียชีวิต และพบผู้ได้รับบาดเจ็บบาดเจ็บอีก 8 คน ขณะเดียวกันได้มีการสั่งอพยพผู้คนออกจากพื้นที่โรงแรมทั้งหมด หลังเผชิญหน้ากับวัตถุอันตรายชนิดหนึ่งที่มาในรูปแบบของกลิ่นเน่าฉุน
ตามรายงานระบุว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงสายของวันเสาร์ (31 ส.ค.) ตามเวลาในท้องถิ่น แขกภายในโรงแรมชื่อดังได้แจ้งว่าได้กลิ่นประหลาดบางอย่างโชยออกมาทั่วบริเวณ เป็นกลิ่นคล้ายกับสารเคมีบางอย่างในลักษณะเหม็นฉุน รูปแบบเหมือนแก๊สไข่เน่า โดยผู้ที่สูดดมเข้าไปรู้สึกวิงเวียนศีรษะและหายใจติดขัด
หลังเกิดเหตุดังกล่าว ทางโรงแรมได้สั่งอพยพผู้คนนับร้อยชีวิตออกจากโรงแรมทั้งหมด เพื่อสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นหาแหล่งที่มาของกลิ่นสารเคมีที่เกิดขึ้นในโรงแรม กระทั่งพบว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง โดยเธอเป็นแขกที่เช็กอินเข้าพักที่โรงแรม ก่อนจะพบเบาะแสที่เชื่อมโยงได้ว่า ห้องพักของเธอน่าจะเป็นต้นเหตุของกลิ่นประหลาดครั้งนี้ และอาจจะเป็นการจงใจฆ่าตัวตาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบอีเมล์ส่วนของหญิงสาวที่เสียชีวิต โดยมีข้อความและน้ำหนักที่เชื่อมโยงไปถึงสาเหตุการก่อเหตุฆ่าตัวตาย ด้วยการใช้สารเคมีในรูปแบบสูดดมสารระเหย แต่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดที่แน่ชัด ขณะที่ตัวแทนของโรงแรมก็ยังไม่ได้แจ้งข้อมูลใดๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น
ส่วนผู้บาดเจ็บทั้ง 8 คน ส่วนใหญ่เป็นพนักงานของโรงแรม โดยทั้งหมดได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย จากการสูดดมสารระเหยบางชนิดเข้าไป หลายคนรู้สึกดีขึ้นเหมือนได้สูดอากาศบริสุทธิ์จากด้านนอกอาคาร ทั้งนี้เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเป็นการก่อวินาศกรรมเพื่อหวังผลต่อชีวิตและทรัพย์สินโดยรวม คาดว่าน่าจะเป็นก่อเหตุฆ่าตัวตายของบุคคลหนึ่งเท่านั้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน และเสาะหาว่าสารเคมีหรือสารระเหยที่ลอยโชยออกมานั้นเป็นสารอะไรกันแน่